ขายบ้าน ที่ทรัพย์สิน พร็อพเพอร์ตี้ เรามีคำตอบ

ขายบ้าน ที่ทรัพย์สิน พร็อพเพอร์ตี้ เรามีคำตอบ

การ ขายบ้าน มีขั้นตอนใดบ้าง

ก่อนจะทำการ ขายบ้าน นั้นจะต้องมีขั้นตอนต่างๆที่ผู้ซื้อและผู้ขาย จะต้องทำข้อตกลงกันที่จะทำการซื้อขาย บ้าน และที่ดิน ตกลงในเรื่องของราคา และตกลงในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะเกิดขึ้น เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ผู้รับผิดชอบ กระบวกการที่สำคัญก็คือ กระบวกการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลุกสร้าง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง ทรัพย์สิน พร็อพเพอร์ตี้ เรามีคำตอบให้สำหรับท่านที่กำลังมองหาที่ขายบ้าน รับรองทุกท่านจะได้รับความรู้ในเรื่องของการ ซื้อขายบ้าน จากเราอย่างแน่นอนอ

ขั้นตอนการ ขายบ้าน โอนบ้าน / ที่ดิน เเละการเตรียมเอกสารต่างๆ

สำหรับเป็นบุคคลทั่วไป

  • โฉนดที่ดิน ( ฉบับจริง )
  • บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริง) พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ชุด (เซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง)
  • ทะเบียนบ้าน ( ตัวจริง ) พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน 1 ชุด ( เซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง )
  • หนังสือมอบอำนาจ ( ทด.21 ) ในกรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน
  • หนังสือให้ความยินยอมซื้อขายที่ดิน หรือที่ดินพร้อมบ้าน (กรณีสมรส )
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับคู่สมรส ( กรณีสมรส )
  • สำเนาทะเบียนบ้านคู่สมรส ( กรณีสมรส )
  • สำเนาทะเบียนสมรส ( กรณีสมรส )
  • สำเนาทะเบียนหย่าร้าง ( กรณีหย่าร้าง )

 

สำหรับนิติบุคคล

  • โฉนดที่ดิน และหนังสือรับรองการทำประโยชน์
  • เอกสารหนังสือรับรอง การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
  • เอกสารหนังสือบริคณห์สนธิ และวัตถุประสงค์
  • เอกสารบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ในกรณที่เป็นบริษัท จำกัด หรือบริษัทมหาชน จำกัด
  • เอกสารแบบรับรองการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน ในกรณีหุ้นส่วน จำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่ทำการจดทะเบียนแล้ว
  • บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลไทย ที่ถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
  • บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน และตัวอย่าง ลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล
  • รายงานการประชุมนิติบุคคล

 

ขั้นตอนการโอนบ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ

1.ขั้นตอนแรกต้องทำการ ยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เ พื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร

2.เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเอกสารเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการเรียก ผู้โอนและผู้รับโอนเพื่อไปเซ็นต์เอกสารต่อเจ้าหน้าที่

3.หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการประเมินทุนทรัพย์ และทำการคำนวณค่าทำเนียมการโอน พร้อมทั้งยื่นใบเอกสารค่าโอนให้เพื่อนำไปใช้ชำระค่าโอนที่ฝ่ายการเงิน

4.เมื่อทำการชำระเงินเรียบร้อยแล้วจะได้รับใบเสร็จจำนวน 2 ใบ ซึ่งเอกสารจะมี สีเหลืองกับสีฟ้า ในส่วนของเอกสารใบเสร็จแผ่นสีเหลือง ให้ทำการคืนให้เจ้าหน้าที่ที่เซ้นเอกสาร ส่วนเอกสารใบเสร็จสีฟ้าให้ทำการถ่ายสำเนาให้กับผู้ซื้ออีก 1 ชุด

5.ขั้นตอนสุดท้าย ทางเจ้าหน้าที่จะทำการพิมพ์สลักหลังโฉนด และทำการตรวจสอบความถูกต้อง จึงจะทำการมอบโฉนดและสัญญาซื้อขาย ( ทด.13 ) ให้แก่ผู้รับดอนหรือผู้ซื้อ โฉนดก็จะเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นของผู้โอนหรือผู้ซื้อเรียบร้อย

สัญญาจะซื้อจะขาย คืออะไร ?

สัญญาจะซื้อจะขาย คือสัญญาที่ทำขึ้นเพื่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้จะซื้ออสังหาริมทรัพย์และผู้จะขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นการเเสดงเจตนาของฝ่ายผู้จะซื้อ ว่าต้องการจะทำการซื้อสังหาริมทรัพย์ของผู้จะขาย และได้ทำการวางเงินมัดจำไว้เป็นหลักประกัน ว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกัน และทำการโอนในช่วงระยะเวลาที่กำหนด และเป็นการทำสัญญาที่เเสดงเจตนาของผู้จะขาย ว่าจะไม่ขายอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้อื่นในช่วงระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา

ควรกำหนดระยะเวลาในการทำสัญญาเท่าไหร่

โดยทั่วไปแล้วสัญญาจะซื้อจะขาย จะกำหนดระยะเวลาให้คู่สัญญาทำสัญญาซื้อขายกัน พร้อมทั้งชำระเงินในส่วนที่เหลือจากการวางมัดจำ ในช่วงเวลา 1 – 3 เดือนนับจากการทำสัญญา ซึ่งเป็นระยะเวลาที่มากพอที่ฝ่ายผู้ที่จะซื้อ นั้นจะสามารถติดต่อสถาบันทางการเงินเพื่อทำการขอสินเชื่อต่างๆได้

หากมีการผิดสัญญาจะซื้อจะขายจะขาย หรือผู้ซื้อเปลี่ยนใจไม่ทำการซื้อ ถือว่าเป็นการผิดสัญญา ผู้จะขายสามารถที่จะริบเงินมัดจำคืนได้ ในกรณีที่ผู้จะขายผิด ผู้จะซื้อนั้นนอกจากจะเรียกเงินมัดจำคืนแล้ว ยังสามารถทำการฟ้องร้องให้ขายอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้จะซื้อได้ และสามารถเรียกร้องค่าเสียหายอื่นๆได้อีกด้วย แต่ผู้จะขายก็ไม่สามารถที่จะขายอสังหาริมทรัพย์ นั้นให้กับผู้จะซื้อรายอื่นได้ในระยะเวลาตามในใบสัญญา

การวางมัดจำนั้น ในกรณีที่เป็นอสังหาริมทรัพย์มือสอง โดยทั่วไปแล้วนั้นจะวางมัดจำอยู่ในช่วง 10,000 – 20,000 บาท หรือคิดในอัตราร้อยละ 5 – 10 จากราคาขาย ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์มือ 1 มัดจำในที่นี่เงินจอง อาจจะเก็บเพียงร้อยละ 1 – 5 ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ ในส่วนของเงินมัดจำจะมีมากน้อยเพียงใด จะขึ้นอยู่กับข้อตกลงกันระหว่างผู้จะวื้อและผู้จะขายหลัก

ส่วนประกอบสำคัญของสัญญาจะซื้อจะ ขายบ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์

สัญญาจะซื้อจะขายนั้นจะประกอบไปด้วย รายละเอียด 9. ส่วน ดังนี้

1.รายละเอียดของการจัดทำสัญญา

เอกสารส่วนนี้จะเป็นเอกสารส่วนหัวของสัญญา เป็นการบันทึกข้อมูล วัน – เวลา ที่มีการทำสัญญาขึ้น รวมไปถึงสถานที่ที่มีการจัดทำหนังสือสัญญาขึ้น หากไม่มีการกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นของการทำสัญญา ที่ให้สัญญามีผลบังคับใช้ ก็จะถือว่าสัญยานั้นมีผลนับตั้งแต่วันที่ที่ปรากฎอยู่ในเอกสารส่วนนี้

2.รายละเอียดของคู่สัญญา

ในส่วนของคู่สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน สังหาริมทรัพย์ สัญญาซื้อขายบ้าน หรือสัยญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในกรณีที่เป็นการซื้อขายกันโดยตรงนั้น จะประกอบไปด้วย 2 ฝ่าย

  • ฝ่ายผู้จะซื้อ
  • ฝ่ายผู้จะขาย

ในส่วนนี้จะมีข้อมูลระบุการเเสดงตัวตน ของคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งแต่ ชื่อ – นามสกุล อายุ และที่อยู่ โดยรายละเอียดทั้งหมดนั้น จะใช้ตามที่แสดงบนบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชนจะทำการแนบท้ายกับตัวสัญญาจะซื้อจะขาย

3.รายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์

เอกสารในส่วนนี้จะเเสดงรายละเอียด ของอสังหาริมทรัพย์ที่จะทำการจะซื้อจะขาย ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขายที่ดิน สัญญาซื้อขายบ้าน สัยญาซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้านเดี่ยว บ้านเเฝด ทาวน์เฮ้าส์ จะต้องเเสดงโฉนดที่ดิน ( น.ส.4จ. ) บ้านเลขที่ ที่ตั้งของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ขนาดของพื้นที่ ขนาดของเนื้อที่ และจำนวนสิ่งปลุกสร้างทั้งหมดในที่ดิน

4.ราคาที่จะทำการขายและรายละเอียดการชำระเงิน

รายละเอียดในส่วนนี้จะระบุว่าคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงกันที่จะทำการจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ในราคาเท่าไหร่ โดยจะมีการระบุจำนวนเงินเป็นตัวเลขและตัวอักษร และทำการแจกแจงรายละเอียดอย่างชัดเจน ว่าในราคาจะซื้อจะขายนั้นมีส่วนเงินที่จะเเบ่งออกมา เพื่อทำการวางมัดจำกี่บาท ใช้วิธีการชำระเงินแบบใดเป็นการชำระเงินแบบเงินสด หรือชำระเงินด้วยเช็คธนาคารก็ต้องระบุรายละเอียด ธนาคาร สาขา เลขที่เช็ค วันที่และจำนวนเงินที่สั่งจ่าย และระบุจำนวนเงินในส่วนที่เหลือที่จะทำการชำระ ในวันทำสัญญาซื้อขายหรือดอนกรรมสิทธิ์ หากมีการวางเงินดาวน์ก็ต้องระบุว่ารวมเงินดาวน์เป็นจำนวนกี่บาท จะทำการแบ่งชำระเงินเป็นกี่งวด ชำระเมื่อไหร่ และชำระกี่ครั้ง

5.รายละเอียดในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์

รายละเอียดในส่วนนี้จะระบุข้อมูล วันที่มีการทำสัญญาซื้อขายที่ดิน สัญญาซื้อขายบ้าน หรือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ขึ้น ในเอกสารจะกำหนดเป็นวันที่แน่นอน หรือจะกำหนดเป็นจำนวนวันหลังจากที่มีการทำสัญญาจะซื้อจะขายก็ได้ แต่ที่สำคัญคือจะต้องมีการกำหนดวันที่ที่แน่ชัดว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายกัน ในส่วนนี้จึงถือเป็นรายละเอียดที่สำคัญในสัญญาจะซื้อจะขายเลย

นอกจากนั้นก็จะมีการนัดไปทำสัญญาซื้อขายกัน ระหว่างผู้จะซื้อและผู้จะขายที่สำนักงานที่ดิน ในวันนัดจะมีการระบุเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าอากร ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่านายหน้า รวมไปถึงภาษีหัก ณ ที่จ่าย

ในเอกสารจะกำหนดอย่างชัดเจน ว่าฝ่ายผู้จะซื้อจะต้องรับผิดชอบในส่วนใดและรับผิดชอบเท่าไร และผู้จะขายจะต้องรับผิดชอบในส่วนใดและเท่าใด ซึ่งในส่วนนี้ต้องทำการกำหนดให้ชัดเจน และครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เพื่อวันที่ทำสัญญาซื้อขายกันจะได้ไม่ต้องมีการตกลงอะไรกันอีก จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะไม่สามารถตกลงกันได้ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

6.รายละเอียดการส่งมอบที่ดินและสิ่งปลุกสร้าง

ในส่วนนี้จะระบุว่าผู้จะขายจะต้องส่งมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ให้กับผู้จะซื้อภายในระยะเวลาที่ได้ทำการตกลงกันในสัญญา และหลังจากนั้นจะมีการดอนกรรมสิทธิ์

7.การโอนกรรมสิทธิ์และคำร้องของผู้จะขาย

ในส่วนนี้จะมีการกำหนดข้อตกลงจากผู้จะขาย เกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้จะซื้อไปยังบุคคลอื่น โดยผู้จะขายสามารถระบุรายละเอียดไปในสัญญาซื้อขายที่ดิน สัญญาซื้อขายบ้าน หรือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ว่า “บังคับ” ไม่ให้ผู้จะซื้อโอนกรรมสิทธิ์ไปยังบุคคลอื่นได้ ยกเว้นจะได้รับคำยินยอมเป็นหนังสือจากผู้จะขาย

ในส่วนคำรับรองของผู้จะขายนั้น เป็นการเรียกร้องจากผู้จะซื้อให้ผู้จะขายรับรอง ว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะซื้อจะขายกันนั้นไม่มีภาระผูกพันใด ๆ อยู่ รวมถึง “บังคับ” ผู้จะขายว่าจะต้องไม่นำที่ดินดังกล่าวไปก่อให้เกิดภาระผู้พันใด ๆ ขึ้นอีก

8.การผิดสัญาและการระงับสัญญาจะซื้อจะขาย

  • ในกรณีที่เป็นการผิดสัญญาโดยผู้จะซื้อ ผู้จะซื้อผิดสัญญาไม่ไปจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์และชำระเงินส่วนที่เหลือจตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ในสัญญาจะให้ผู้จะขายสามารถริบเงินมัดจำที่วางไว้ตอนทำสัญญาจะซื้อจะขายทั้งหมดได้
  • ในกรณีที่ผู้จะขายผิดสัญญา ไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้จะซื้อ ในสัญญาจะให้สิทธิแก่ผู้จะซื้อว่าสารมารถฟ้องร้อง บังคับให้ผู้จะขายปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ตอนแรกได้ รวมไปถึงการมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายต่าง ๆ ได้อีกด้วย

9.การลงชื่อของคู่สัญญาและพยาน

หลังจากที่คู่สัญญาได้รับทราบข้อตกลงกันในสัญญาครบถ้วนดีแล้ว ในส่วนนี้คือการผูกนิติสัมพันธ์ด้วยการเเสดงเจตนา ให้สัญญามีผลบังคับใช้ระหว่างคู่สัญญา ด้วยการลงลายมือชื่อของผู้จะซื้อและผู้จะขายลงในสัญญา พร้อมทั้งพยานฝ่ายละ 1 ท่าน ร่วมลงรายมือชื่อเพื่อเป็นการรับทราบ โดยสัญญานั้นจะทำขึ้นด้วยกัน 2 ฉบับในสัญญาจะมีข้อความที่ตรงกัน มอบสัญญาให้กับผู้จะซื้อจะขายเก็บไว้คนละ 1 ฉบับ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม